สแตนชาร์ดหั่นเป้าจีดีพีปี 66 เหลือโต4.3% หวังรัฐบาลใหม่-ท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจไทย

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมองเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดีในครึ่งปีหลัง หลายปัจจัยหนุนจากรัฐบาลใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจการบริโภคในประเทศ ท่องเที่ยวฟื้น คาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% 

ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทยกล่าวว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ปรับลดประมาณการ GDP ไทย ปี 66 ลงเหลือเติบโต 4.3% จากเดิม4.5% สะท้อนตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ออกมาต่ำกว่าคาด ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีความสดใส และมีความผันผวน และปัจจัยในประเทศเรื่องความล่าช้าในการดำเนินโยบายทางเศรษฐกิจเนื่องจากยังรอการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาล และทำให้มองว่า GDP ไทยในครึ่งปีแรกจะเติบโตได้ที่ 2.9% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดจะอยู่ที่ 2.1% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 2.7%

อย่างไรก็ตามมองว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นในครึ่งปีหลังมากกว่าครึ่งปีแรก แต่ยอมรับว่าหากมองไปที่ปัจจัยภายนอกยังมีความผันผวนสร้างความท้าทายต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะผลกระทบที่มีต่อภาคการส่งออกที่อาจจะยังชะลอตัวได้ ซึ่งทำให้ธนาคารระวังในส่วนของดุลบัญชีการค้าที่มีโอกาสขาดดุลได้เพราะการส่งออกเกิดการชะลอตัว แต่การนำเข้ายังคงมีมูลค่าที่สูงกว่า ซึ่งการที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้อย่างแข็งแกร่ง การส่งออกและการนำเข้าจะต้องสอดคล้องกัน เพื่อช่วยลดการขาดดุลการค้า

ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงมีแรงหนุนจากภาคท่องเที่ยวที่ยังเห็นทิศทางการปรับตัวดีขึ้นได้ปรับคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 66 เพิ่มเป็น 25 ล้านคน จากเดิมที่ 15-20 ล้านคน ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาเติมในช่วงครึ่งปีหลังราว 5 ล้านคน และคาดว่าจะเห็นนักท่องเที่ยวเข้ามาหนาแน่นขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป

สำหรับปัจจัยทางการเมืองหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้น คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 เดือนในการจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรี โดยคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะพร้อมทำงานอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.. 66 และคาดว่าจะเห็นการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 

ด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 2% ในการประชุมวันที่ 31 .. 66 จากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยอยู่ที่1.75% ต่อปี แม้ว่าอาจจะมีความผันผวนของปัจจัยภายนอกที่กระทบเศรษฐกิจโลก แต่ดัชนีเศรษฐกิจไทยที่เข้มแข็งทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังมองเศรษฐกิจไทยในเชิงบวก และน่าจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินเพื่อกลับสู่ภาวะปกติเพื่อเพิ่มพื้นที่นโยบายการเงิน

สำหรับค่าเงินบาทยังผันผวนระยะสั้น 3-6 เดือน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาประกอบกับราคาน้ำมันที่ลดลง และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว น่าจะเป็นผลดีต่อบัญชีทุนและดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นปลายปีน่าจะอยู่ที่ระดับ 34 บาทต่อUSD

#StandardChartered #ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด #StockReview #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวภาวะเงินเฟ้อ #การเลือกตั้ง